เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นส่วนสำคัญของคริปโตเคอเรนซี ซึ่งในเวลาต่อมา อุตสาหกรรมอื่น ๆ รวมถึงภาครัฐบาลได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้งาน แต่บล็อกเชนก็ไม่ได้มีเพียงแค่ประเภทเดียว
แต่ก่อนที่เราจะอธิบายประเภทของบล็อกเชน เรามาทำความเข้าใจก่อนว่า “บล็อกเชน” คืออะไร
บล็อกเชนคืออะไร
บล็อกเชน (Blockchain) คือระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มีการกระจายข้อมูลไปยังโหนด (คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์) ที่อยู่ภายในเครือข่าย ซึ่งทำให้ข้อมูลไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นอกจากนี้แล้ว บล็อกเชนยังทำให้ผู้คนสามารถทำธุรกรรมอย่างโปร่งใสและไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตน
นอกเหนือจากคริปโตเคอเรนซีแล้ว บล็อกเชนยังใช้โดย
- รัฐบาลเอสโตเนียจัดเก็บข้อมูลประชาชนแบบดิจิทัลบนบล็อกเชนเพื่อป้องกันการฉ้อโกงเอกลักษณ์บุคคล รวมถึงการลดความไม่มีประสิทธิภาพของการจัดการข้อมูลประชาชน
- ธนาคารใช้บล็อกเชนเพื่อการเคลียริ่งและการชำระราคาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น, การโอนเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็ว, ต้นทุนถูกลง และอื่น ๆ อีกมากมาย
คุณคงพอทราบว่าบล็อกเชนคืออะไร เรามาดูกันว่าบล็อกเชนแต่ละประเภทเป็นอย่างไร
Public Blockchain
Public Blockchain คือเครือข่ายแบบเปิดที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าร่วม, อ่าน, เขียนหรือมีส่วนร่วมบนบล็อกเชนโดยไม่ต้องขออนุญาตใคร บล็อกเชนประเภทนี้เป็นแบบกระจายศูนย์ที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของคนใดคนหนึ่ง ข้อมูลที่จัดเก็บบนบล็อกเชนนี้จะไม่สามารถแก้ไขได้หลังจากได้รับการยืนยันบนบล็อกเชน
ตัวอย่างการใช้งาน Public Blockchain คือคริปโตเคอเรนซียอดนิยมอย่าง Bitcoin และ Ethereum ซึ่งทำให้ใคร ๆ สามารถดูข้อมูลธุรกรรมที่เกิดขึ้นแล้วได้ทุกเวลา แต่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าวได้ ยกเว้นเสียแต่จะมีใครสามารถควบคุมเครือข่ายมากกว่า 51% ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล
Private Blockchain
Private Blockchain คือเครือข่ายแบบปิดที่อยู่ภายใต้การจัดการของผู้ดูแลเครือข่ายและผู้ใช้จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย ผู้ใช้แต่ละคนจะมีสิทธิ์เข้าร่วม, อ่าน, เขียนหรือมีส่วนร่วมบนบล็อกเชนที่แตกต่างกัน ข้อมูลที่จัดเก็บบล็อกเชนประเภทนี้มีความเป็นส่วนตัว เนื่องจากบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่สามารถมีสิทธิดำเนินการ
ตัวอย่างการใช้งาน Private Blockchain คือ CBDC (สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง) ซึ่งถูกสร้างขึ้นบล็อกเชนแบบปิด รวมถึงการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ตัวอย่างเช่น IBM Food Trust ที่มอบประโยชน์แก่ผู้ผลิตและลูกค้าโดยการนำความโปร่งใสและการเปลี่ยนแปลงไม่ได้มาสู่การจัดการห่วงโซ่อุปทาน
Consortium Blockchain
Consortium Blockchain คือเครือข่ายลูกผสมที่รวมข้อดีของบล็อกเชนสองประเภทแรก โดยจะอนุญาตให้บุคคลหรือองค์กรในเครือข่ายเดียวกันสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ ป้องกันการสูญหายหรือการรั่วไหลของข้อมูลกลายเป็นข้อมูลสาธารณะ และมีต้นทุนการลงทุนในระบบ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนระบบไม่สูงมากนัก แต่การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ต้องได้รับการอนุมัติจากส่วนกลางก่อน
ตัวอย่างการใช้งาน Consortium Blockchain คือ Ripple ซึ่งมีเป้าหมายในการเชื่อมโยงธนาคารจากทั่วโลกและผู้ให้บริการชำระเงินบนเครือข่ายของตน
ความแตกต่างของบล็อกเชนสามประเภท
คุณสมบัติ | Public Blockchain | Private Blockchain | Consortium Blockchain |
ลักษณะทั่วไป | บุคคลทั่วไป | จำกัดภายในองค์กร | จำกัดภายในองค์กรหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง |
การระบุผู้เข้าร่วม | ไม่จำกัดผู้เข้าร่วม/ยืดหยุ่นสูง | ระบุชื่อองค์กรหรือบุคคลที่อนุญาตให้เข้าร่วม | ระบุชื่อองค์กรหรือบุคคลที่อนุญาตให้เข้าร่วม |
สิทธิในการเข้าถึง การอ่าน/การเขียน | ไม่ได้รับอนุญาต | อนุญาต | อนุญาต |
การกำหนดกฎเกณฑ์ในการดำเนินงาน | ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดต่าง ๆ ได้ | สามารถกำหนดเงื่อนไข/ข้อกำหนดตามความต้องการ | เปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากส่วนกลางก่อน |
ระยะเวลาในการยืนยันหรืออนุมัติการดำเนินธุรกรรม | นาน
(10 นาทีหรือมากกว่า) |
สั้น
(1-2 วินาที) |
สั้น |
พลังงานที่ใช้ | มาก | น้อย | น้อย |
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว | น้อย | มาก | มาก |
การเข้าถึงและประโยชน์ที่ได้รับ | สามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างโปร่งใสผ่านรายการบัญชีแบบกระจายศูนย์ | สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ปลอดภัย คุ้มค่า ลดความซํ้าซ้อนของข้อมูลและธุรกรรมมีจํานวนมากขึ้น | สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ปลอดภัย คุ้มค่า ลดความซํ้าซ้อนของข้อมูลและธุรกรรมมีจํานวนมากขึ้น |
ตัวอย่างการใช้งาน | Bitcoin, Ethereum | IBM Food Trust | Ripple |
ข้อมูล: http://www.jap.tbs.tu.ac.th/files/Article/Jap56/Full/JAP56PanSiriArun.pdf
สรุป
บล็อกเชนคือระบบการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ เช่น ธุรกรรมคริปโต, ความเป็นเจ้าของ NFT ฯลฯ ที่มีการกระจายข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในเครือข่าย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
- Public Blockchain คือเครือข่ายแบบเปิดที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้
- Private Blockchain คือเครือข่ายแบบปิดที่ผู้เข้าร่วมจะต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน
- Consortium Blockchain คือเครือข่ายที่รวมข้อดีระหว่างสองบล็อกเชนแรก
Reference
- https://softwaremill.com/private-blockchain-not-only-for-fintech/
- https://techsauce.co/tech-and-biz/three-different-types-of-blockchain
- https://www.analyticssteps.com/blogs/what-consortium-blockchain
- https://www.softwaretestinghelp.com/blockchain-application-examples/
- https://101blockchains.com/public-vs-private-blockchain/
- https://www.geeksforgeeks.org/difference-between-public-and-private-blockchain/
- https://www.foley.com/en/insights/publications/2021/08/types-of-blockchain-public-private-between
- https://101blockchains.com/hybrid-blockchain/
- https://www.makeuseof.com/public-vs-private-blockchains-how-do-they-work/
- http://www.jap.tbs.tu.ac.th/files/Article/Jap56/Full/JAP56PanSiriArun.pdf