10 คริปโตสำคัญนอกเหนือจาก Bitcoin

ถึงแม้ Bitcoin จะเป็นคริปโตเคอเรนซี่ตัวแรกและเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไปมากที่สุด แต่ยังมีคริปโตอื่น ๆ อีกมากมายทั้งที่คุณอาจเคยได้ยินหรือเห็นผ่าน ๆ มาบ้างหรืออาจไม่รู้จักมาก่อนเลย

หากคุณสนใจข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตตัวอื่น ๆ นอกเหนือจาก Bitcoin แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน บทความนี้จะพาคุณไปพบกับ 10 คริปโตสำคัญนอกเหนือจาก Bitcoin

เรามาเริ่มต้นกันด้วย

1. Ethereum (ETH) แพลตฟอร์มโปรแกรมแบบไม่มีตัวกลางที่ทำให้สามารถสร้างและใช้งาน Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ) และ Dapps (แอปพลิเคชันแบบไม่มีตัวกลาง) โดยไม่มีเวลาหยุดทำงาน การฉ้อโกง การควบคุมหรือการแทรกแซงจากบุคคลภายนอก ซึ่งขับเคลื่อนโดยเหรียญ ETH

มูลค่าตลาดของ ETH (9/4/2565) อยู่ที่ 385 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าตลาดเป็นอันดับสองรองจาก Bitcoin

2. Litecoin (LTC) เป็นหนึ่งในคริปโตเคอเรนซี่แรก ๆ ที่เกิดขึ้นตามหลังจาก Bitcoin ซึ่งเปิดตัวโดย Charlie Lee ในปี 2554 และมักถูกเรียกว่าเป็น “แร่เงินของทองคำ Bitcoin”

ถึงแม้ Litecoin จะคล้ายคลึงกับ Bitcoin หลายประการ แต่ว่า Litecoin มีค่าธรรมเนียมถูกกว่า การยืนยันธุรกรรมเร็วกว่าและการกระจายอำนาจผ่านอัลกอริทึม Scrypt ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องขุด ASIC ราคาแพงเหมือนกับการขุด Bitcoin

ในตอนที่เขียนบทความ (9/4/2565) มูลค่าตลาดของ LTC อยู่ที่ 7.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

3. Cardano (ADA) คือแพลตฟอร์มบล็อกเชนสาธารณะแบบโอเพ่นซอร์สและไม่มีตัวกลาง ซึ่งอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างบุคคลกับบุคคลอันขับเคลื่อนโดยเหรียญ ADA

Cardano มีเป้าหมายในการเป็นระบบดำเนินการทางการเงินของโลกโดยการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบไม่มีตัวกลาง (DeFi) แบบเดียวกับ Ethereum เช่นเดียวกับมอบโซลูชันการทำงานระหว่างบล็อกเชน การป้องกันการโกงการเลือกตั้งและการติดตามสัญญาทางกฎหมายและอื่น ๆ อีกมากมาย

มูลค่าตลาดของ ADA (9/4/2565) อยู่ที่ 34.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

4. Polkadot (DOT) คือคริปโตเคอเรนซี่ที่มุ่งเน้นการทำงานร่วมกับบล็อกเชนอื่น ๆ ภายในที่เดียว ซึ่งสร้างโดย Gavin Wood หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Ethereum

Polkadot แตกต่างจาก Ethereum ตรงที่ผู้พัฒนาสร้างบล็อกเชนของตนเองและใช้ระบบความปลอดภัยที่มีอยู่แล้วของห่วงโซ่บล็อกเชนจาก Polkadot ซึ่งในกรณีของ Ethereum ผู้พัฒนาก็สามารถสร้างบล็อกเชนของตนเองแต่ก็ต้องสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ทำให้โครงการใหม่และขนาดเล็กตกอยู่ในความเสี่ยง

ในตอนที่เขียนบทความ (9/4/2565) มูลค่าตลาดของ DOT อยู่ที่ 19.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

5. Bitcoin Cash (BCH) คือคริปโตที่เกิดจากแยกบล็อกเชนจาก Bitcoin ซึ่งมาจากปัญหาด้านความสามารถในการขยายขนาด ซึ่งเครือข่าย Bitcoin กำหนดขนาดสูงสุดต่อบล็อกอยู่ที่ 1 MB แต่ BCH ขยายเพิ่มเป็น 8 MB ซึ่งมาจากแนวคิดที่ว่าบล็อกที่ใหญ่ขึ้นสามารถเก็บธุรกรรมได้มากขึ้นและทำให้การยืนยันธุรกรรมรวดเร็วยิ่งขึ้น

มูลค่าตลาดของ BCH (9/4/2565) อยู่ที่ 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

6. Stellar (XLM) คือเครือข่ายบล็อกเชนแบบเปิดที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการทำธุรกรรมขนาดใหญ่ระหว่างธนาคารกับบริษัทการลงทุนที่ใช้เวลาหลายวันและมีค่าธรรมเนียมสูง โดย Stellar ทำให้ธุรกรรมขนาดใหญ่สามารถดำเนินการแทบจะในทันทีและมีค่าใช้จ่ายต่ำ

ถึงแม้จะถูกออกแบบเพื่อเป็นโซลูชันองค์กรขนาดใหญ่ แต่ใคร ๆ ก็สามารถใช้ได้ คริปโตเคอเรนซี่ของแพลตฟอร์ม Lumen (XLM)

มูลค่าตลาดของ XLM (9/4/2565) อยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

7. Dogecoin (DOGE) คือเหรียญหน้าหมาชิบะอันโด่งดังที่ถือกำเนิดจาก Billy Markus และ Jackson Palmer ที่ตัดสินใจทำระบบชำระเงินแบบขำ ๆ เพื่อล้อเลียนการเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่งในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ 

ถึงกระนั้น คนจำนวนมากมองว่า Dogecoin เป็นช่องทางการลงทุนและมีหลายบริษัทยอมรับเหรียญดังกล่าวเป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ เช่น Kronos, Dallas Maverick รวมถึง SpaceX ของเฮียอีลอน มัสก์

นอกจากนี้แล้ว Dogecoin ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเหรียญ Shiba Inu (SHIB) ที่มีราคาแซงเกินลูกพี่อยู่ชั่วเวลาหนึ่ง

มูลค่าตลาดของ Doge (9/4/2565) อยู่ที่ 18.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

8. Binance Coin (BNB) คือคริปโตเคอเรนซี่ที่ใช้ในการชำระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนตลาด Binance ซึ่งก่อตั้งโดย Changpeng Zhao และยังเป็นหนึ่งในตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกในแง่ปริมาณซื้อขาย

มูลค่าตลาดของ BNB (9/4/2565) อยู่ที่ 69.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

9. Tether (USDT) คือหนึ่งใน Stable Coin (เหรียญที่มีมูลค่าคงที่) แรก ๆ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่ง Tether จะผูกกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนจากคริปโตสกุลอื่น ๆ เป็นดอลลาร์สหรัฐอย่างง่ายดาย

มูลค่าตลาดของ USDT (9/4/2565) อยู่ที่ 82.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

10. Monero (XMR) คือคริปโตเคอเรนซี่แบบโอเพนซอร์สที่ปลอดภัย เป็นส่วนตัวและไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งเปิดตัวในปี 2557 และได้รับความนิยมอย่างมากจากชุมชนและผู้ที่ชื่นชอบการเข้ารหัส

เนื่องจากความสามารถในการปกปิดร่องรอยการทำธุรกรรม ทำให้ XMR มีชื่อเสียงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ โดยถูกเชื่อมโยงกับการก่ออาชญากรรมทั่วโลก แต่ความเป็นส่วนตัวที่ XMR มอบให้นั้นเป็นประโยชน์กับผู้ถูกกดขี่ที่ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ

มูลค่าตลาดของ XMR (9/4/2565) อยู่ที่ 3.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Reference