Cryptocurrency กับมาตรการกำกับดูแลของนานาประเทศ

Cryptocurrency กับมาตรการกำกับดูแลของนานาประเทศ

ทั่วโลกกำลังให้สำคัญกับ Cryptocurrency  เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้คนมีการทำธุรกรรมผ่านคริปโตฯมากขึ้น ทำให้แต่ละประเทศจำเป็นต้องมีมาตรการสำหรับการกำกับดูแลเพื่อให้ไม่เกิดปัญหาตามมา เช่น การกระทำที่ผิดกฎหมาย หรือขาดเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศ เป็นต้น

โดยในเบื้องต้น United States Congress ระบุว่า ประเทศที่ห้ามใช้เหรียญคริปโตฯมี 9 ประเทศ คือ จีน อียิปต์ อีรัก กาตาร์ โอมาน โมร็อกโก บังคลาเทศ  ตูนิเซีย และ แอลจีเรีย และมีอีก 42 ประเทศที่มีสามารถใช้ได้แต่มีการออกมาตรการมาเพื่อกำกับดูแล ลองมาดูตัวอย่างประเทศทรงอิทธิพลที่ไม่ได้ห้ามใช้เหรียญคริปโตฯกันดีกว่าว่าจะมาตรการการกำกับดูแลอย่างไรบ้าง

  • ญี่ปุ่น – เหรียญคริปโตฯสามารถใช้ได้อย่างถูกกฎหมาย แต่หากเป็นนิติบุคคลต้องขอใบอนุญาต มีเงินสำรอง สามารถตรวจสอบได้ และต้องเสียภาษีตามอัตราที่กำหนด
  • สหรัฐอเมริกา – อยู่ในระหว่างการหารือเพื่อที่จะทำให้เหรียญคริปโตฯมีการกำกับดูแลเช่นเดียวกับเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบและปิดบริษัทเกี่ยวกับ คริปโตฯที่เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน
  • จีน – ถึงแม้จะไม่ได้ห้ามใช้เหรียญคริปโตฯโดยตรง แต่ก็มีมาตรการการสั่งห้ามทางอ้อม เช่น ห้ามขุดบิดคอยน์ ห้ามทำธุรกิจ ICO เป็นต้น และอยู่ระหว่างออกแบบมาตรการต่าง ๆ ออกมารองรับเพิ่มขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้คาดว่า Cryptocurrency  ในอนาคตจะมีการเติบโตมากขึ้นอีก และอาจจะเป็นช่องทางในการทำธุรกรรมทางการเงินที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก ดังนั้นนานาประเทศที่ไม่ใช่เพียง 3 ประเทศนี้ จะมีการเร่งออกมาตรการการกำกับดูแลมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดเสถียรภาพ ความมั่นคง และความโปร่งใสกับทุกภาคส่วน