Margin คือ
Margin คือหลักประกันที่จะใช้ในการเปิดออร์เดอร์ เวลาเราเปิดออเดอร์ เราต้องมีเงินประกันวางไว้ให้กับโบรกเกอร์ โดยโบรกเกอร์จะคืนเงินดังกล่าวให้ หลังจากที่เราปิดคำสั่งออเดอร์นั้น
การคำนวณ Margin
Margin = ล็อต (Lot) x ขนาดสัญญา (Contract size) / เลเวอเรจ (Leverage)
Margin กับ Leverage
จะเห็นได้ว่า 2 อย่างนี้มีความสันพันธ์กันโดยตรง (Leverage เป็นตัวหารในการคำนวณ Margin) ถ้าเลือกใช้ Leverage ที่สูงขึ้น การวาง Margin จะต่ำลง
ตัวอย่าง
กรณีใช้ Leverage = 1:1
- หากเปิด 1.00 lot
- Margin ที่ต้องใช้ คือ 100,000 USD (ปกติมูลค่ามาตรฐาน 1 Lot ขนาดสัญญา คือ 100,000 ยูนิต)
- วางเงินประกันเต็มจำนวน
กรณีใช้ Leverage = 1:100
- หากเปิด 1.00 lot
- Margin ที่ต้องใช้ คือ 1,000 USD
- วางเงินประกันเพียง 1%
กรณีใช้ Leverage = 1:1000
- หากเปิด 1.00 lot
- Margin ที่ต้องใช้ คือ 100 USD
- วางเงินประกันเพียง 0.1%
ตัวอย่าง Margin ใน MT4
ด้านล่างของโปรแกรม MT4 จะแสดงยอดเงินคงเหลือในบัญชีของเรา โดยจะแสดง 3 อย่าง คือ
- Balance : เงินคงเหลือในบัญชี
- Equity : เงินคงเหลือในบัญชี + กำไรขาดทุนของออเดอร์ที่เปิดอยู่
- Free margin : เงินที่เหลือในการวาง Margin
อย่างตัวอย่างนี้เลือกใช้ Leverage ที่ 1 : 50
เราได้ทำการเปิดออเดอร์ Buy EURUSD ที่จำนวน 1 Lot ที่ราคา 1.08390
- Margin ที่ใช้ คือ 2167.80
- คำนวณมาจาก (1.08390*100000/50)
- ส่วน Free margin เหลือ 7323.55
- คำนวณมาจาก (Free margin เดิมที่ 97495.35 – Margin ที่ใช้ คือ 2167.80)
- Margin level คือ สัดส่วน Margin ที่ใช้
- คำนวณมาจาก (Equity/Margin) x 100
สรุป
ดังนั้นยิ่งเราเลือก Leverage ที่สูงขึ้น ก็จะทำให้เราใช้เงินประกัน (Margin) ต่ำลง ทำให้เทรดเดอร์หลายคนเลือกใช้ Leverage ที่สูง แต่ข้อควรระวังก็คือ มันเหมือนดาบสองคม ที่เราทำให้เราสามารถเปิดออเดอร์ได้มากขึ้น กำไรและขาดทุนที่สูงมาก เวลากำไรจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เวลาขาดทุนสิ อาจทำให้ถึงขั้นพอร์ตระเบิดกันเลยทีเดียว
หลักสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า เลือกใช้ Leverage เท่าไหร่ แต่จะอยู่ที่ เราจะเปิด Lot เท่าไหร่มากกว่า เพื่อควบคุมความเสี่ยงการเทรดของเราให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ