Private Key กับ Public Key คืออะไร

หากคุณสงสัยว่า Public Key (กุญแจสาธารณะ) กับ Private Key (กุญแจส่วนตัว) คืออะไร และเกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี่อย่างไร บทความนี้มีคำตอบครับ

เรามาเริ่มต้นกันด้วย

การเข้ารหัสแบบกุญแจสาธารณะ (Public Key Encryption) คืออะไร

เทคโนโลยีการเข้ารหัสรูปแบบหนึ่งที่ประกอบด้วยกุญแจสองดอก โดยกุญแจดอกหนึ่งจะใช้ในการเข้ารหัสและอีกดอกหนึ่งใช้การถอดรหัส ซึ่งใช้เพื่อ

  • ปกปิดข้อมูล – หากคุณต้องการส่งข้อมูลให้กับใครสักคน คุณเข้ารหัสข้อมูลด้วย Public Key ของผู้รับ ซึ่งผู้รับจำเป็นจะต้องใช้ Private Key ของตนเพื่อถอดรหัสข้อมูล หากผู้รับทำกุญแจส่วนตัวหาย เขาจะไม่สามารถถอดรหัสข้อมูลดังกล่าว
  • การเซ็นเอกสาร – คุณเข้ารหัสข้อมูลดังกล่าวโดยใช้ Private Key ของคุณ ซึ่งผู้รับหรือใครก็ตามที่มี Public Key ของคุณจะสามารถถอดรหัสธุรกรรมดังกล่าว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะวัตถุประสงค์หลักคือการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล

คริปโตเคอเรนซี่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการเข้าและถอดรหัสธุรกรรม

Public Key คืออะไร

Public Key ทำให้คุณสามารถรับธุรกรรมคริปโต ซึ่งกุญแจดังกล่าวมาพร้อมกับ Private Key ถึงแม้ใคร ๆ จะสามารถส่งคริปโตมายังกุญแจสาธารณะของคุณ แต่คุณจำเป็นต้องมีกุญแจส่วนตัวเพื่อ “ปลดล็อก” และยืนยันความเป็นเจ้าของคริปโตที่ได้รับ ซึ่ง Public Key ที่ใช้ในการรับธุรกรรมมักจะเป็นที่อยู่สาธารณะ (Public Address) หรือก็คือกุญแจสาธารณะแบบย่อนั่นเอง

ดังนั้น คุณสามารถแชร์ Public Key โดยไม่ต้องกังวล นอกจากนี้แล้ว คุณอาจจะเคยเห็นบางเว็บไซต์หรือ Youtube บางช่องที่เปิดรับบริจาคพร้อมกุญแจสาธารณะที่เป็นกระเป๋าคริปโต ซึ่งใคร ๆ ก็สามารถบริจาคได้ แต่คนที่สามารถเข้าถึงเงินดังกล่าวจะต้องมี Private Key

Private Key คืออะไร

คุณต้องไม่เปิดเผย Private Key ในทุกกรณี เนื่องจากกุญแจส่วนตัวใช้ในการยืนยันความเป็นเจ้าของและการใช้คริปโตภายใน Public Key ที่เกี่ยวข้อง หน้าตาของ Private Key จะมีหลายรูปแบบ เช่น

  • รหัสเลขฐานสองจำนวน 256 ตัว
  • รหัสเลขฐานสิบหก 64 หลัก
  • รหัส QR
  • ชุดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
  • ฯลฯ

แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม กุญแจส่วนตัวจะมีรหัสที่ยาวมาก นอกจากนี้แล้ว คุณยังสามารถสร้าง Public Key โดยใช้ Private Key แต่คุณไม่สามารถสร้าง Private Key จาก Public Key เพราะฉะนั้นแล้ว คุณสามารถสร้าง Public Key ได้มากตามต้องการภายในหนึ่ง Private Key

Public Key กับ Private Key บนคริปโตเคอเรนซี่

ก่อนคุณจะได้รับคริปโตจากใครก็ตาม

  • ธุรกรรมดังกล่าวจะถูกเข้ารหัสด้วยกุญแจสาธารณะของผู้รับ ซึ่งธุรกรรมสามารถถูกถอดรหัสโดยใข้กุญแจส่วนตัวของผู้รับเท่านั้น
  • จากนั้น ธุรกรรมดังกล่าวจะถูกเซ็นดิจิทัลด้วย Private Key ของผู้ส่งเพื่อยืนยันว่าธุรกรรมไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลง ลายเซ็นดิจิทัลดังกล่าวเกิดจากการรวมระหว่าง Private Key และข้อมูลที่ส่งเข้าธุรกรรม
  • Public Key ของผู้ส่งสามารถใช้ในการยืนยันความน่าเชื่อถือของธุรกรรม

ผู้ส่งเซ็นธุรกรรมแบบดิจิทัลเพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าของคริปโต โหนดจะทำการตรวจสอบและยืนยันความน่าเชื่อถือของธุรกรรมโดยอัตโนมัติ

หากโหนดเห็นว่าธุรกรรมดังกล่าวน่าเชื่อถือ ธุรกรรมดังกล่าวจะถูกบันทึกลงบนบล็อกเชนและคริปโตของผู้ส่งจะเข้าที่อยู่สาธารณะของคุณ

คุณจะหา Private Key จากที่ไหน

คำตอบคือ “กระเป๋าคริปโต” ซึ่งปรกติแล้วจะเป็นซอฟต์แวร์บนมือถือหรือเดสก์ท็อปหรืออุปกรณ์เฉพาะทาง

หากคุณเลือกเก็บคริปโตไว้บนตลาดซื้อขายแบบมีคนกลางอย่างเช่น Coinbase, Binance หรือ Bitkub ตลาดซื้อขายดังกล่าวจะเป็นผู้เก็บ Private Key ของคุณ คุณเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะเก็บรักษากุญแจของคุณแบบเดียวกับคุณเชื่อมั่นในการฝากทองคำไว้กับธนาคาร

หากคุณเลือกโอนคริปโตไปไว้บนกระเป๋าแบบเก็บรักษาเอง คุณจะเป็นผู้ควบคุมกุญแจทั้งสองดอกด้วยตนเอง คุณจะได้รับชุดคำศัพท์สำหรับการกู้กุญแจส่วนตัว ซึ่งหากคุณลืมหรือทำกุญแจส่วนตัวและชุดคำศัพท์หาย คุณก็สามารถบอกลาคริปโตที่อยู่ในกระเป๋าดังกล่าวได้เลย

สรุป

ทั้ง Public Key (กุญแจสาธารณะ) และ Private Key (กุญแจส่วนตัว) ต่างเป็นส่วนหนึ่งของคริปโตเคอเรนซี่ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Litecoin, Ethereum ฯลฯ ที่ทำให้คุณสามารถรับและส่งคริปโตโดยไม่ต้องผ่านการยืนยันจากบุคคลที่สาม กุญแจทั้งสองดอกเป็นส่วนหนึ่งของการเข้ารหัสแบบกุญแจสาธารณะ

Public Key เปรียบเสมือนกับที่อยู่ ซึ่งคุณสามารถบอกกับผู้ส่งโดยไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลของคุณจะรั่วไหล ในทางตรงกันข้าม คุณห้ามบอก Private Key ในทุกกรณี เพราะหากใครทราบกุญแจส่วนตัวของคุณ เขาสามารถใช้คริปโตที่เกี่ยวข้องกับกุญแจดังกล่าวอย่างอิสระ

Reference