Implied Volatility (IV) หรือค่าความผันผวนแฝง คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนในตลาดการเงินมักใช้ในการประเมินความเสี่ยงและทิศทางของราคาสินทรัพย์ต่างๆ โดยเฉพาะในตลาดอนุพันธ์ เช่น ฟิวเจอร์ส (Futures) และออปชั่น (Options) บทความนี้จะช่วยอธิบายความหมายของ Implied Volatility, วิธีการคำนวณ, ความสำคัญในการลงทุน, และการใช้ประโยชน์จากมันในการตัดสินใจลงทุน
Implied Volatility คืออะไร?
Implied Volatility (IV) คือการวัดความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับความผันผวนในอนาคตของสินทรัพย์ หรือราคาของสินทรัพย์ เช่น หุ้น, ดัชนี, หรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทำการซื้อขายในตลาดการเงิน ค่าความผันผวนแฝงจะสะท้อนถึงการคาดการณ์ของนักลงทุนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในอนาคต ซึ่งจะถูกสะท้อนออกมาผ่านราคาของออปชั่น
แตกต่างจาก Historical Volatility ซึ่งเป็นการวัดความผันผวนในอดีตของราคาสินทรัพย์ Implied Volatility ไม่ได้คำนวณจากข้อมูลในอดีต แต่จะพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของราคาปัจจุบัน โดยเฉพาะการซื้อขายออปชั่น เพราะราคาของออปชั่นขึ้นอยู่กับความคาดหวังในอนาคตเกี่ยวกับความผันผวน
โดยทั่วไปแล้ว ค่า IV ที่สูงแสดงถึงความคาดหวังว่าผู้ลงทุนคาดการณ์ความผันผวนที่สูงในอนาคต ในขณะที่ค่า IV ที่ต่ำหมายถึงการคาดการณ์ความผันผวนที่ต่ำ
วิธีการคำนวณ Implied Volatility
การคำนวณ Implied Volatility ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมันเป็นผลลัพธ์ที่ได้จากการแก้สมการในแบบจำลองการประเมินราคาออปชั่น เช่น Black-Scholes Model หรือ Binomial Model ซึ่งใช้เพื่อคำนวณราคาของออปชั่นจากข้อมูลต่างๆ เช่น ราคาของออปชั่น, ราคาสินค้าอ้างอิง, ราคาใช้สิทธิ, ระยะเวลาถึงวันหมดอายุ, อัตราดอกเบี้ย และ เงินปันผล
สูตรการคำนวณ
การคำนวณ Implied Volatility กำหนดให้
C คือ พรีเมียมของออปชั่น (Option Premium) หรือ ราคาของออปชั่น
S คือ ราคาของหุ้น (Stock Price)
K คือ ราคาที่ใช้ในการซื้อขาย (Strike Price) หรือ ราคาการออกออปชั่น
r คือ อัตราผลตอบแทนปราศจากความเสี่ยง (Risk-free rate) หรือ อัตราดอกเบี้ยที่ไม่มีความเสี่ยง
t คือ ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ (Time to Maturity) หรือ เวลาในการคำนวณออปชั่น
e คือ ค่าคงที่ของเลขยกกำลัง (Exponential term) ซึ่งคือ 2.71828… ที่ใช้ในสูตรทางคณิตศาสตร์
แต่อย่างไรก็ตามความผันผวนแฝง (IV) นั้นไม่ง่ายที่คำนวณได้จากสูตรอย่างตรงไปตรงมา นักคณิตศาสตร์และนักการเงินจึงต้องใช้วิธีการหาค่าประมาณโดยการหาค่าที่ทำให้ราคาของออปชั่นที่คำนวณจากโมเดลตรงกับราคาตลาดที่มีการซื้อขายจริง โดยในทางปฏิบัติ นักลงทุนมักจะใช้เครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ที่คำนวณค่า IV ให้โดยอัตโนมัติ
โปรแกรมคำนวณ Implied Volatility ตาม Black-Scholes model
ความสำคัญของ Implied Volatility
Implied Volatility มีความสำคัญอย่างมากในการลงทุนในตลาดออปชั่นและตลาดอนุพันธ์ เนื่องจากมันสามารถใช้เพื่อวัดความเสี่ยงและคาดการณ์ความผันผวนในอนาคตได้ โดยในตลาดออปชั่นนั้น ค่า IV ที่สูงมักจะบ่งชี้ว่าออปชั่นมีราคาสูงขึ้นเพราะนักลงทุนคาดว่าเหตุการณ์ที่สำคัญอาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การประกาศผลประกอบการ, การเลือกตั้ง, หรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
ค่า IV ยังมีความสำคัญในเรื่องของการสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น
การใช้ IV ในการตัดสินใจซื้อขายออปชั่น
- IV สูง: เมื่อค่า IV สูง หมายความว่าผู้ลงทุนคาดว่าในอนาคตจะมีความผันผวนสูง จึงมักทำให้ราคาของออปชั่นสูงขึ้น นักลงทุนที่คาดว่าจะมีความผันผวนสูงอาจใช้กลยุทธ์ที่มีการซื้อออปชั่น (Long Call หรือ Long Put) เพื่อทำกำไรจากความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
- IV ต่ำ: หากค่า IV ต่ำ แสดงถึงการคาดการณ์ว่าความผันผวนในอนาคตจะต่ำ นักลงทุนอาจเลือกกลยุทธ์ที่ขายออปชั่น (Covered Call หรือ Naked Put) เพื่อลึกเลียงการลดลงของกำไรหรือการขาดทุน
การใช้ IV ในการประเมินความเสี่ยง
Implied Volatility เป็นเครื่องมือที่ช่วยนักลงทุนประเมินความเสี่ยงในตลาด หากค่า IV สูงเกินไป อาจหมายความว่าเหตุการณ์ใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งสามารถทำให้ราคาสินทรัพย์มีการผันผวนอย่างรุนแรง ในขณะที่ค่า IV ที่ต่ำมักจะบ่งชี้ถึงตลาดที่นิ่งและมีความเสี่ยงน้อยกว่า
ความสัมพันธ์ระหว่าง Implied Volatility และราคาสินทรัพย์
ค่าความผันผวนแฝงมีความสัมพันธ์กับราคาของออปชั่นโดยตรง หากตลาดคาดการณ์ว่าอัตราความผันผวนของราคาสินทรัพย์ในอนาคตจะสูง (เช่น ก่อนการประกาศผลประกอบการหรือเหตุการณ์สำคัญในเศรษฐกิจ) ราคาของออปชั่นจะเพิ่มขึ้นตาม
ในทางกลับกัน เมื่อความผันผวนคาดว่าจะต่ำ ราคาของออปชั่นก็จะต่ำลง เนื่องจากไม่มีความคาดหวังว่าราคาสินทรัพย์จะเคลื่อนไหวมากในอนาคต
การใช้ Implied Volatility ในการสร้างกลยุทธ์การลงทุน
การใช้ Implied Volatility ในการสร้างกลยุทธ์การลงทุนสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
กลยุทธ์การซื้อออปชั่น (Long Options)
หากนักลงทุนคาดการณ์ว่าในอนาคตจะมีความผันผวนสูง (IV สูง) การซื้อออปชั่น (Long Call หรือ Long Put) อาจเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากความผันผวนที่สูงจะทำให้ราคาของออปชั่นเพิ่มขึ้น และสามารถทำกำไรได้จากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์
กลยุทธ์การขายออปชั่น (Short Options)
หากนักลงทุนคาดว่าในอนาคตจะไม่มีความผันผวนมากนัก (IV ต่ำ) การขายออปชั่นอาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากเมื่อ IV ต่ำ ราคาของออปชั่นจะลดลงและนักลงทุนสามารถเก็บค่าพรีเมียมจากการขายออปชั่นได้
การทำกลยุทธ์ Straddle และ Strangle
ในการใช้กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อออปชั่นทั้ง Call และ Put เช่น Straddle หรือ Strangle นักลงทุนมักจะมองหาช่วงเวลาที่ค่า IV ต่ำ เพื่อทำการซื้อออปชั่นในราคาถูกก่อนที่ความผันผวนจะเพิ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์สำคัญ
ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Implied Volatility
ข้อดี
- การคาดการณ์ความผันผวน: IV ช่วยนักลงทุนคาดการณ์ระดับความผันผวนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
- เครื่องมือในการประเมินราคาออปชั่น: IV เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินราคาของออปชั่นในตลาดการเงิน
- ช่วยในการจัดการความเสี่ยง: การใช้ IV ช่วยนักลงทุนในการวางกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงที่ต้องการ
ข้อเสีย
- ไม่สามารถคาดการณ์ได้ 100%: IV ไม่สามารถบอกได้ว่าในอนาคตจะมีความผันผวนอย่างไร การคาดการณ์จึงเป็นแค่การประเมินความเสี่ยง
- มีความผิดพลาดจากการคำนวณ: การคำนวณ IV อาจมีข้อผิดพลาดจากข้อมูลหรือวิธีการที่ใช้
สรุป
Implied Volatility (IV) หรือค่าความผันผวนแฝงเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ความเสี่ยงในอนาคตและวางกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมตามระดับความผันผวนที่คาดหวัง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ IV จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นเกี่ยวกับการซื้อขายออปชั่นและการจัดการความเสี่ยงในตลาดการเงิน