ราคาบิทคอยน์ขึ้นอยู่กับอะไร

การลงทุนบิทคอยน์ (BTC) แตกต่างจากการลงทุนในสกุลเงินแบบดั้งเดิม เช่น บาท ยูโร เยน เพราะ BTC ถือกำเนิดจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลภายใต้ชื่อ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” แทนที่จะเป็นธนาคารกลาง ทำให้ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ, นโยบายการเงิน, อัตราเงินเฟ้อ ฯลฯ ไม่มีผลต่อราคาของบิทคอยน์ แล้วราคาบิทคอยน์ขึ้นอยู่กับอะไร

อุปสงค์และอุปทาน

บิทคอยน์คือคริปโตเคอเรนซี่ที่มีจำนวนเพียง 21 ล้านเหรียญและจำนวนเหรียญที่จะได้รับจากการแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ของแต่ละบล็อกจะลดลงครึ่งหนึ่งทุกประมาณ 4 ปี ซึ่งเรียกว่า การลดลงครึ่งหนึ่ง (Halving)

ถึงแม้บิทคอยน์จะยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการในหลายประเทศ เช่น ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม แต่ก็ได้รับความสนใจจากเทรดเดอร์รายย่อยที่ต้องการทำกำไรจากความผันผวนของราคา รวมถึงบุคคลที่ต้องการรักษามูลค่าทรัพย์สินจากภาวะเงินเฟ้อหรือหลีกเลี่ยงมาตรการเคลื่อนย้ายเงินทุนของรัฐ นอกจากนี้แล้ว บิทคอยน์ยังนิยมใช้ในธุรกรรมที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

ต้นทุนการผลิต

ต้นทุนของนักขุดคือระบบพื้นฐาน + ค่าไฟฟ้ารวมถึงต้นทุนทางอ้อม

ในการขุดบิทคอยน์ให้ได้เป็นคนแรก นักขุดจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อครอบครองอุปกรณ์การขุดที่มีประสิทธิภาพสูงอันมาพร้อมบิลค่าไฟก้อนโตที่เกิดจากการใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับการขุดบิทคอยน์นั้นมากกว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของบางประเทศ เช่น บังกลาเทศ เวเนซูเอลา ฟินแลนด์ เป็นต้น

ต้นทุนทางอ้อมในการขุดบิทคอยน์คือระดับความยากง่ายในการขุด ซึ่งส่งผลต่อความเร็วหรือล่าช้าในการขุด ตัวอย่างเช่น ค่าเริ่มต้นของระดับความยากคือ 1 หากระดับความยากอยู่ที่ 24 พันล้าน นักขุดอาจจะต้องสุ่มแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ถึง 24 พันล้านครั้งเพื่อค้นพบคำตอบที่ถูกต้อง

การแข่งขัน

ถึงแม้บิทคอยน์จะยังคงเป็นคริปโตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน แต่ก็ลดน้อยถอยลงกว่าแต่ก่อน ในปี 2560 บิทคอยน์คิดเป็นมากกว่า 80% ของมูลค่าตลาดของตลาดคริปโตโดยรวม แต่ในปี 2564 ตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือไม่ถึง 50%

สาเหตุที่บิทคอยน์ได้รับความนิยมน้อยลงเป็นเพราะผู้คนเริ่มรู้จักและทราบเกี่ยวกับความสามารถของคริปโตทางเลือกอื่น ๆ เช่น Ethereum (ETH) ที่ทำให้เกิดระบบการเงินแบบไม่มีตัวกลาง (DeFi), Tether (USDT) ที่ทำให้คุณสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดคริปโตอย่างง่ายดาย รวมถึง Ripple (XRP) ที่ทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศโปร่งใสและค่าธรรมเนียมต่ำกว่าการโอนเงินผ่านธนาคาร

ถึงแม้บิทคอยน์จะรับความนิยมน้อยลงเนื่องจากคริปโตเคอเรนซี่ทางเลือก แต่การแข่งขันช่วยดึงดูดนักลงทุนให้หันมาสนใจคริปโตเคอเรนซี่มากขึ้น ซึ่งผลให้ความต้องการและราคาของบิทคอยน์ปรับตัวสูงขึ้น

กฎระเบียบและข้อกำหนดทางกฎหมาย

บิทคอยน์ไม่ขึ้นกับกฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือใคร ๆ ก็สามารถส่งเงินข้ามพรมแดนโดยไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของรัฐบาลแบบเดียวกับสกุลเงินอื่น ๆ แต่ก็มาพร้อมกับความต้องการใช้เพื่อทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ทำให้นักลงทุนสถาบันจำนวนมากยังไม่กล้าเข้าลงทุนบิทคอยน์ ซึ่งส่งผลต่อสภาพคล่องและราคาของบิทคอยน์

ยิ่งบิทคอยน์ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลประเทศต่าง ๆ มากเท่าไหร่ โอกาสที่บิทคอยน์จะกลายเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายจะมีมากขึ้นเท่านั้น นักลงทุนและเทรดเดอร์ต่างติดตามข่าวกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องคริปโตเพราะจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและราคาของตลาดคริปโตโดยรวมอันรวมถึงบิทคอยน์

ตัวอย่างเช่น ราคา BTC วิ่งสูงเกิน $66,000 ภายในวันเดียวหลังจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (SEC) อนุญาตให้มีการซื้อขาย ETF Bitcoin แรกของโลก (ProShares Bitcoin Strategy ETF)

สรุป

ราคาบิทคอยน์ขึ้นอยู่กับ

อุปสงค์และอุปทาน: หากความต้องการมากกว่าปริมาณที่มี ราคามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากความต้องการน้อยกว่าปริมาณที่มี ราคามีแนวโน้มลดลง
ต้นทุนการผลิต: ส่งผลกระทบต่อราคา ความต้องการและตัวบล็อกเชนเอง
การแข่งขัน: การแข่งขันทำให้ผู้คนรู้จักและสนใจคริปโตเคอเรนซี่มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ความต้องการและราคาบิทคอยน์เพิ่มขึ้น
กฎระเบียบและข้อกำหนดทางกฎหมาย: กฎข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซี่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและราคาคริปโตโดยรวม

Reference