พื้นฐานการคำนวณความเสี่ยงและการจัดการความเสี่ยง

เศรษฐีอย่าง วอรเรน บัฟเฟต์ ได้กล่าวไว้ว่า กฎที่สำคัญของการลงทุนข้อหนึ่ง คือ “อย่าขาดทุน” ซึ่งนักลงทุนทุกคนควรจะตระหนักถึงการรักษาเงินลงทุนไว้ให้ได้เป็นลำดับแรก เนื่องจากเงินทุนจะเป็นตัวต่อยอดในการเทรดของนักลงทุน หากทุนเล็กลง ก็จะทำให้ผลลัพธ์ในการเทรดน้อยลงตามส่วนของเงินทุน ฉะนั้นการจัดการความเสี่ยง และการบริหารเงินลงทุนในสำคัญอย่างมากในการเทรด เทรดเดอร์ควรมั่นใจว่าจะไม่เกิดการเสียหายอย่างหนักต่อหนึ่งการเทรด รวมถึงในระยะยาวผลตอบแทนโดยรวมที่ต้องเป็นบวก

ขั้นต้นมาทำการกำหนด Position Size ในการเทรดก่อน (Position size คือปริมาณหรือขนาดของออเดอร์ที่เราจะเปิด) ในเบื้องต้นสามารถทำได้ตาม 3 ขั้นตอนดังนี้

  1. อย่างแรกที่ต้องทำคือ หาตำแหน่งจุดเข้า และจุด Stop loss – ควรจะหาตำแหน่ง Stop loss ที่คิดว่า Make sense ในการเทรดมากที่สุด ไม่ควรหาตำแหน่ง Stop loss ที่เหมาะกับ Position size แต่ควรหา Position size ที่เหมาะกับ Stop loss
  2. วัดช่วงห่างระหว่างจุดเข้า และจุด Stop loss
  3. คำนวณว่าเราจะสามารถเปิดออเดอร์ได้เท่าไร่ – เช่นว่า ถ้าซื้อหุ้นที่ราคา 50 บาท และ จุด Stop loss อยู่ที่ 45 บาท ช่วงห่างระหว่างจุดเข้าและจุด Stop loss อยู่ที่ 5 บาท (50-45 = 5) และถ้ามูลค่าพอร์ตอยู่ 100,000 บาท รับความเสี่ยงได้ 1% (1,000) ต่อการเทรด ก็ควรจะซื้อจำนวน 200 หุ้น (1,000 / 5) นั่นเอง

Reward/Risk Ratio – สัดส่วนผลตอบแทนเทียบความเสี่ยง

นอกจากการหาจุดเข้าจุดออกและจุด Stop loss แล้ว เราก็ควรวิเคราะห์ด้วยว่าจุดดังกล่าวที่เรากำหนดนั้น มันมีประสิทธิภาพหรือไม่อย่างไร โดยสามารถดูได้จาก Reward/Risk Ratio เช่น เราเปิด Order ซื้อ ที่ 50 บาท กำหนดจุด Stop loss ที่ 48 บาท และจุดขายทำกำไรที่ 54 บาท จะคำนวณ Reward/Risk Ratio ได้เป็น 2 : 1 ((54-50) / (50-48) ซึ่งหมายความว่า ผลตอบแทนเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยง

ในการจัดการความเสี่ยงนั้นต้องใช้วิธีการคุมเข้มกว่านี้ นี่เป็นเพียงหลักเบื้องต้นง่ายๆ โดยจะมีกล่าวในคราวหน้าต่อ ซึ่งยังมีจุดต่างๆที่ยังต้องเข้ามาพิจารณา เพื่อประเมิน Reward/Risk Ratio

(Tips : ส่วนมากการดู  Reward/Risk Ratio มักใช้ตัว R และตัวเลข เพื่อเรียกสั้นๆ ของสัดส่วน Reward/Risk Ratio โดยอย่างเช่น 1R จะเท่ากับ สัดส่วน Reward/Risk Ratio = 1 ต่อ 1 , 2R จะเท่ากับ สัดส่วน Reward/Risk Ratio = 2 ต่อ 1 เป็นต้น)

2 หลักการเบื้องต้น ในการบริหารเงินลงทุน

เราควรมาทำความรู้จักวิธีการจัดการเงินลงทุนแบบเบื้องต้นกันก่อน เพื่อที่จะเข้าใจในหลักการ และค่อยนำไปต่อยอดสู่การจัดการเงินทุนแบบขั้นสูงต่อไป

หลักการแรก – กำหนดเงินลงทุนแบบตายตัว (Fixed)

ในแบบนี้จะเราจะแบ่งเงินที่จะเทรดแต่ลออเดอร์เท่าๆกันทุกครั้ง ไม่ว่ามูลค่าพอร์ตจะเป็นอย่างไร และจะปรับมูลค่าการเทรดต่อ 1 ออเดอร์ก็ต่อเมื่อ มูลค่าพอร์ตขยับขึ้น (หรือลง) ถึงจุดที่เราต้องการ

หลักการที่สอง – กำหนดเงินทุนแบบคิดตามสัดส่วน (Percentage)

คือจะพิจารณาตามมูลค่าพอร์ตแบบเป็น % หากมูลค่าพอร์ตสูงขึ้น ก็จะปรับมูลค่าเปิดออเดอร์ในแต่ละการเทรดสูงขึ้นตาม % ที่กำหนดไว้