MT4 เป็นโปรแกรมเทรดยอดนิยมที่สุดในการเทรด Forex ทั่วโลก การใช้งานค่อนข้างง่ายและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
หน้า Login
ในขั้นแรกตอนเราเปิดโปรแกรมขึ้นมา จะขึ้นหน้าต่างให้เราใส่ Login และ Password ที่สำคัญต้องเลือก Server ในการเทรดให้ตรงกับบัญชีที่เราเปิดด้วย
โดยปกติทางโบรกเกอร์จะส่งหมายเลข Login, Password และ Server ให้กับเราทาง Email
หน้าตาของโปรแกรม MT4
จะประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก คือ
- Toolbars : พวกเครื่องมือต่างๆ
- Market Watch : รายชื่อสินค้าที่สนใจ
- Chart Window : หน้ากราฟ
- Terminal : ออเดอร์ที่เทรด
ภาษาไทย
ทางโปรแกรม MT4 รับรองภาษาไทยด้วยเช่นเดียวกัน สามารถเปลี่ยนภาษาได้โดย
- View > Languages > Thai
ส่วนของ Chart
เราสามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาของกราฟได้ โดยคลิ๊กขวาลงบนกราฟ และไปที่ Properties
โดยสามารถเปลี่ยนสีพื้นหลัง สีแท่งเทียนต่างๆ ได้ตามใจชอบ
Templates
เมื่อเราตั้งค่ากราฟตามที่ต้องการได้แล้ว เราสามารถ Save การตั้งค่านั้นด้วยการ Save Template โดยการคลิ๊กขวาบนกราฟ และเลือกไปที่ Template > Save Template
ปรับแต่งกราฟ
ในส่วนของ Toolbars หน้าบน จะมีอุปกรณ์ให้เราใช้มากมาย อาทิ ตีเส้น Trend line, ลากเส้น Fibonacci และเครื่องมือทาง Technical อื่นๆ รวมถึงการปรับเปลี่ยน Timeframe ที่ใช้ดูกราฟ ว่าจะดูเป็นรายนาที, 5 นาที, 30 นาที, 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, 1 วัน, 1 สัปดาห์ และ 1 เดือน
และยังปรับเปลี่ยนรูปแบบกราฟได้
- Barchart
- Candlestick chart
- Line chart
หรือจะ Zoom เข้า Zoom ออก
และหากเปิดกราฟหลายๆหน้า จะมีการจัดเรียงอัตโนมัติให้เราอีกด้วย
ตัวอย่างการจัดเรียงอัตโนมัติ
การสั่งคำสั่งซื้อขาย
สามารถกด F9 หรือ จะคลิ๊กขวาบนกราฟ แล้วเลือก Trading > New Order
โปรแกรมจะปรากฏหน้าต่างของ Order ขึ้นมา
โดยจะให้เราใส่ข้อมูลดังต่อไปนี้
- Symbol : สินค้าที่เทรด
- Volume : จำนวน Lot
- Stop loss : จุดตัดขาดทุน
- Take Profit : จุดทำกำไร
- Type
- Market Execution
- Pending Order
Market Execution : เป็นการซื้อขายที่ราคาตลาด ณ ตอนนั้น
Pending Order เป็นการตั้งซื้อ หรือ ตั้งขาย ตามราคาที่กำหนด
One-click trading
เป็นตัวช่วยที่ทำให้การส่งคำสั่งซื้อขายเป็นไปได้อย่างง่าย และรวดเร็วขึ้น
โดยคลิ๊กขวาที่กราฟ แล้วเลือก “One Click Trading” (หรือกด Alt+T)
จะปรากฏช่องสี่เหลี่ยม BUY/SELL ขึ้นมาในมุมซ้ายบนของกราฟ
เราสามารถส่งคำสั่งซื้อ หรือ ขาย ได้อย่างทันที เพียงกดคลิ๊กที่สี่เหลี่ยมดังกล่าว
การปิดออเดอร์
เราสามารถกดปิดออเดอร์ที่ปุ่ม X ในแถบของ Terminal
หรือ คลิ๊กขวาที่เส้นของออเดอร์ที่เราเปิด แล้วสั่ง Close
Market Watch
ในส่วนนี้จะแสดง ราคา Bid และ Ask ของสินค้าที่เรากำลังดูอยู่
โดยเราสามารถเลือกสินค้าที่ต้องการดูได้ โดยคลิ๊กขวาที่ Market Watch
- กด Show All คือแสดงสินค้าทั้งหมด
- กด Symbols เพื่อเลือกสินค้าที่จะดูเฉพาะตัวไป
ถ้ากด Symbols จะปรากฏหน้าต่างขึ้นมา ให้เราเลือกว่าจะดูสินค้าอะไรบ้าง
การเปิดกราฟ
ให้เราคลิ๊กขวาไปที่สินค้าที่เราจะดูกราฟ จากนั้นเลือกไปที่ “Chart Window” ก็จะปรากฏหน้ากราฟขึ้นมา
ในส่วนของ Terminal
ตรงแถบ Trade จะแสดงออเดอร์ที่เราได้เปิดไว้ในขณะนั้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
- Order : เลขออเดอร์
- Time : เวลาที่เปิด
- Type : Buy หรือ Sell
- Size : ขนาดที่เทรด
- Symbol : สินค้าที่เทรด
- Price : ราคาที่เปิดออเดอร์
- SL/TP : Stop loss และ Take profit
- Price : ราคาปัจจุบันของสินค้านั้น
- Commission : ค่าคอมมิชชั่น
- Swap : ค่า Swap (Swap คืออะไร)
- Profit : กำไร/ขาดทุน
ในช่วงล่างสุดจะแสดง
- Balance : เงินที่เหลือ หลังเปิดออเดอร์
- Equity : มูลค่าพอร์ตของเรา ณ ตอนนั้น (รวมกำไร/ขาดทุนที่ออเดอร์เปิดอยู่)
- Margin : มูลค่ามาร์จิ้นที่ใช้
- Free margin : เงินที่เหลือในการวาง Margin
- Margin level : สัดส่วน Margin ที่ใช้
มาร์จิ้น Margin คืออะไร ในการเทรด Forex
Account history
เป็นการแสดงถึงประวัติการเทรดย้อนหลังของเรา
การตั้งจุด Stop loss และ Take profit
ทำได้ 2 แบบคือ
- ลากเส้นออเดอร์บนกราฟ
- กด Modify ออเดอร์
เราสามารถตั้งจุด Stop loss และ Take profit จากการลากเส้นออเดอร์บนกราฟได้เลย
หรืออีกอย่างคือ คลิ๊กขวาไปที่ออเดอร์ที่เราต้องการจะตั้ง Stop loss และ Take Profit จากนั้นกดไปที่ Modify or Delete Order